เรารู้จัก ‘ฮ่องกง’ ดีในฐานะตลาดการเงินที่มีเงินหมุนเวียนเป็นอันดับต้นๆของโลก ตั้งแต่ปี 2000 โลกของศิลปะในฮ่องกงก็ได้มีบทบาทในตลาดโลกอย่างแข็งขัน เม็ดเงินมหาศาลในการประมูลชิ้นงานทรงคุณค่าสะพัดทั้งสำหรับศิลปินท้องถิ่นและ Auction House ระดับโลกอย่าง Christie’s ที่มียอดขายกว่า 3.35 ล้านล้านดอลลาร์ฮ่องกง หรือ 428 ล้านดอลลาร์สหรัฐในงาน Christie’s 2022 Hong Kong Spring Auctions ที่ทำลายสถิติโลกของการประมูลสินค้าศิลปะและลักชัวร์รี่ไปกว่า 56 สถิติ

ตอกย้ำต่อด้วยยอดขายในงาน Art Basel Hong Kong งานแฟร์ศิลปะครั้งล่าสุดในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา งานศิลป์มูลค่าเกินล้านดอลลาร์หลายชิ้นถูกขายออกไปอย่างรวดเร็วแม้จัดงานทางออนไลน์ แกลเลอรี่จากฮ่องกงอย่าง de Sarthe Gallery ที่ขายงานหมดทุกชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานศิลป์ระดับตำนานหรืองานศิลป์เกิดใหม่ล้วนได้รับเสียงตอบรับอย่างล้นหลามจากฮ่องกง

ภูมิทัศน์ทางศิลปะของฮ่องกงนั้นไม่ได้โดดเด่นเพียงเพราะเม็ดเงินในตลาด แต่ยังเป็นเพราะการพัฒนาอย่างแข็งขันผ่านพื้นที่ศิลปะที่นำสมัย การเติบโตของพื้นที่แห่งการสร้างสรรค์ใหม่ๆบนเกาะและโครงสร้าง infrastructure การจัดการทางศิลปะมากมาย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ เขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตก (West Kowloon Cultural District) ย่านศิลปะวัฒนธรรมขนาดใหญ่บนพื้นที่ใหม่ของฮ่องกงกว่า 250 ไร่ ที่อุทิศให้กับการพัฒนาทางศิลปะอย่างเต็มที่ ทั้งยังเป็นจุดปักหลักของ M+ พิพิธภัณฑ์ศิลปะนานาชาติระดับโลก, Xiqu Centre โรงอุปรากรจีน, พื้นที่แห่งศิลปะการแสดงร่วมสมัยใหม่ Freespace และ พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์และศิลปะจีน Hong Kong Palace Museum ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฏาคม 2022 ที่ดินแพงระยับของฮ่องกงถูกยกให้เป็นพื้นที่แห่งการพัฒนาศิลปะเท่านั้น

M+ Museum พิพิธภัณฑ์ศิลปะนานาชาติระดับโลก

เทียบชั้นได้กับ Centre Pompidou ของปารีส และ MOMA ที่นิวยอร์กซิตี้ ที่พูดได้เช่นนี้เพราะพิพิธภัณฑ์ M+ เป็นที่แรกในเอเชียที่นำเสนอผลงานวิชวลอาร์ตร่วมสมัย คอลเล็กชั่นงานศิลปะที่นี่เรียกได้ว่าเป็น global museum of contemporary visual culture ที่แรกของเอเชีย

M+ นำเสนองานศิลปะช่วงศตวรรษที่ 20 และ ศตววรษที่ 21 โดยดำเนินเรื่องผ่านตัวงานวิชวลอาร์ต งานออกแบบ งานสถาปัตยกรรม ไปจนถึงงานภาพเคลื่อนไหวและภาพยนตร์ นอกจากคอลเล็กชั่นงานศิลป์ที่น่าตื่นตะลึงแล้ว การเดินชมงานศิลปะที่นี่ก็มอบประสบการณ์สุดพิเศษให้คุณได้เช่นกัน ผ่านศิลปะชิ้นใหญ่ที่สุดของ M+ นั่นก็คือตัวสถาปัตยกรรมของพิพิธภัณฑ์เอง

เหตุผลที่เราเรียกอาคารของพิพิธภัณฑ์ M+ ว่าเป็นงานสถาปัตยกรรมชิ้นยักษ์ นั่นก็เพราะว่างานออกแบบอาคารถูกดีไซน์มาอย่างพิถีพิถัน ใช้เวลานานกว่าทศวรรษในการออกแบบโดยทีมสถาปนิกชาวสวิส Herzog & De Meuron โดยจุดเด่นคือ ฟาซาด (Facade) ของตึกที่นับเป็นหนึ่งในฟาซาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีการติดตั้งไฟ LED นับพันดวง สามารถมองเห็นได้จากระยะ 1.5 กิโลเมตร ถือเป็นงานศิลป์บนแพลตฟอร์มดิจิทัลที่สื่อสารกับผู้คนได้แบบเรียลไทม์

ณ พิพิธภัณฑ์ M+ คุณสามารถชื่นชมสถาปัตยกรรมขนาด 700,000 ตารางฟุต รวมทั้งชิ้นงานที่หาดูยากได้ในเวลาเดียวกัน โดยคอลเล็กชั่นศิลปะที่นี่จะแบ่งเป็น 4 นิทรรศการหลักที่มีรากฐานมาจากเอเชีย แต่ถูกนำเสนอ และพัฒนาจากมุมมองสากล ได้แก่

• M+ Collection ที่รวบรวมเอาผลงาน visual culture หลากหลายประเภทไว้
• M+ Sigg Collection ที่จัดแสดงผลงาน contemporary art ของจีนที่ยิ่งใหญ่ และครอบคลุมที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
• M+ Library Special Collection แหล่งรวมศิลป์ประเภท print ซึ่งเป็นสื่อหลักศตวรรษที่ 20 และ 21
• M+ Collection Archives แหล่งรวมเอกสารสำคัญเบื้องหลังการครีเอตผลงานของศิลปินต่างๆ

เปิดประวัติศาสตร์จีนสู่สายตาโลกที่แรกที่ Hong Kong Palace Museum

อีกหนึ่งจุดหมายใหม่ของผู้หลงใหลในงานศิลป์และประวัติศาสตร์ ที่เปิดเผยสู่สายตาของโลกไปในเดือนกรกฎาคมปี 2022 นอกจากเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงผลงานกว่าร้อยชิ้นในประวัติศาสตร์จีน ที่ไม่เคยเผยแพร่สู่สาธารณชนมาก่อนแล้วนั้น ที่นี่ยังเป็นโปรเจกต์ยักษ์ใหญ่ภายใต้การร่วมมือของ เขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตก และ The Palace Museum ของพระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City) อีกด้วย จึงอาจพูดได้ว่า Hong Kong Palace Museum เป็นสถาบันทางวัฒนธรรมอันดับต้นๆ ที่ศึกษาเจาะลึกศิลปะและวัฒนธรรมของจีน เพื่อนำเสนองานผ่านมุมมองของฮ่องกงสู่สายตาของโลก

K11 Art Mall ห้างสรรพสินค้าศิลปะสุดหรู

พื้นที่ศิลปะใหม่ล่าสุดที่น่าสนใจตอนนี้อย่าง K11 Art Mall & K11 Musea ห้างสรรพสินค้าสุดหรูในบรรยากาศแห่งศิลปะที่แรกของโลก ซึ่งสร้างขึ้นจากไอเดีย Art mall จะประกอบไปด้วยการผสมผสานของแบรนด์ระดับโลกและสตรีทแบรนด์หน้าใหม่ที่กำลังเติบโต โดยมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะของตนเองเสริมเข้าไปอีกด้วย

ภายในพิพิธภัณฑ์ศิลปะของ K11 Musea นั้นได้รวบรวมงานศิลปะทั้งจากฮ่องกงและนานาชาติมาไว้ด้วยกัน เสริมทัพด้วยการจัดแสดงงานศิลป์คอลเล็กชั่นพิเศษของทางห้างอย่าง “The K11 Kollection” ศิลปะมาสเตอร์พีซ 13 ชิ้น มูลค่ากว่า 20 ล้านฮ่องกงดอลลาร์ อาทิ อินสตอลเลชั่นขนาดใหญ่ อย่าง The Roots โดย Danny Lee หรือ โคมไฟหลากสี Duo Colour Double Polyhedon Lamp โดย Olafur Eliasson ซึ่งผลงานทุกชิ้นล้วนคัดสรรโดย Mr. Adrian Cheng ผู้ก่อตั้งและผู้บริหารของ K11

Hong Kong Museum of Art จัดแสดงงานศิลป์กว่า 17,000 ชิ้น

อีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้อย่าง Hong Kong Museum of Art ที่ก่อตั้งตั้งแต่ปี 1962 และมีชิ้นงานศิลปะครอบครองอยู่กว่า 17,000 ชิ้น ทั้งงานฝั่งตะวันออกและตะวันตก ศิลปะสมัยใหม่และศิลปะสมัยเก่า โดยยังคงจัดแสดงนิทรรศการหลัก 4 core collections ที่นำเสนอมุมมองของฮ่องกงผ่านศิลปะหลายแขนงสู่สายตาชาวโลกมากว่า 6 ทศวรรษ นั่นก็คือ โบราณวัตถุจีน (Chinese Antiquities) , ภาพเขียนและอักษรพู่กันจีน (Chinese Painting and Calligraphy) , ภาพวาดแลนด์สเคปของฮ่องกงสมัยก่อนที่วาดผ่านสายตาของชาวตะวันตกในฮ่องกง (China Trade Art) และ ผลงานศิลปะซึ่งเป็นส่วนผสมอันหลากหลายจากวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก (Modern and Hong Kong Art)

ฮ่องกงยังคงเป็นจุดหมายหลักทางศิลปะของเอเชีย งานแสดงโชว์สำคัญๆหลายงานของโลกยังคงเดินทางมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ทั้ง Art Basel, Art Central, และ Christie’s Auction House งานประมูลชิ้นงานศิลปะขนาดใหญ่ยักษ์ที่ยังคงปักหลักอยู่ที่เกาะแห่งวัฒนธรรมนี้

WKCD ทำให้ศิลปะเป็นพื้นที่ของทุกคน

นอกจากพิพิธภัณฑ์ระดับโลกหลายแห่งแล้ว บนพื้นที่กว่า 250 ไร่ของ เขตวัฒนธรรมเกาลูนตะวันตก (West Kowloon Cultural District: WKCD) ยังมีพื้นที่สาธารณะที่น่าสนใจอีกมากอย่างสวนสาธารณะศิลปะ (Art Park) , สถาบันพัฒนาศิลปะ และ Artist residence ที่กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาพื้นที่

โดยมีการคาดการณ์ว่าหากการพัฒนาพื้นที่ทางวัฒนธรรมเหล่านี้ได้ดำเนินการครบทุกเฟสแล้ว จะสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับฮ่องกงผ่านวงการศิลปะมากถึง 71,040 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในระหว่างนี้โครงการมากมายก็ยังคงดำเนินต่อทั้งเพื่อฟูมฟักศิลปะอันเก่าแก่ และเพื่อเตรียมต้อนรับและบ่มเพาะเมล็ดพันธุ์อันหลากหลายทางศิลปะเข้ามาสู่เกาะฮ่องกงในอนาคต