Sha Tau Kok ตั้งอยู่ชายแดนทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮ่องกงติดกับเซินเจิ้น ซึ่งเคยเป็นปริศนาสำหรับหลายคน ด้วยจำนวนประชากรเพียงประมาณ 4,000 คน จึงยังคงเป็นพื้นที่หวงห้ามมาหลายทศวรรษ โดยผู้ที่ไม่ใช่ประชากรที่อยู่ประจำถิ่นสามารถเยี่ยมชมได้ก็ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากรัฐบาล แต่นับจากเดือนมิถุนายน ปี 2022 เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยปิดนั้นได้ ค่อย ๆ เปิด ให้นักท่องเที่ยวที่สนใจได้ล่วงรู้ความลับของเมือง
หนึ่งในตึกแถวเก่าแก่หลายหลังที่เรียงรายบนถนน San Lau คือ Sha Tau Kok Story House พิพิธภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมที่เต็มไปด้วยข้าวของและเอกสารบันทึกเรื่องราวในอดีตของชุมชน “ถนนสายนี้เคยพลุกพล่าน ชาวแผ่นดินใหญ่จากตามพรมแดนจะมาที่นี่เพื่อซื้อสินค้าที่หาไม่ได้ที่บ้าน” คุณ Charles Lee ผู้อำนวยการ Sha Tau Kok Story House และมัคคุเทศก์เชิงนิเวศกล่าว ปัจจุบัน เนื่องจากเซินเจิ้นได้พัฒนากลายเป็นมหานครที่เฟื่องฟู Sha Tau Kok จึงไม่ใช่จุดหมายปลายทางในการซื้อหาสินค้าอีกต่อไป
ย้อนกลับไปตอนที่คุณ Lee ยังอาศัยอยู่ในใจกลางเมือง เขาเคยพาคณะทัวร์ไปเยี่ยมชม Plover Cove Country Park ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวชายฝั่งรอบท่าเรือ Starling Inlet หรือ Sha Tau Kok Hoi ในระหว่างการเดินทางไป Lai Chi Wo ซึ่งเป็นชุมชนชาวจีนแคะเก่าแก่ที่ได้รับการฟื้นฟู คุณ Lee ได้พบกับหัวหน้าของ Sha Tau Kok ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้เขาไปเยี่ยมชมและเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเมืองชายแดนและความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมกับหมู่บ้านต่าง ๆ ในพื้นที่ “ผมตัดสินใจย้ายไป Sha Tau Kok เพราะผมหลงใหลสภาพแวดล้อมและวิถีชีวิตที่นั่น” เขาเล่า “ในเขตดินแดนใหม่ไม่มีอะไรเหมือนที่นี่”
และแล้วเขาก็ได้พบว่าชีวิตในฐานะชาว Sha Tau Kok นั้นน่าสนุกสนานกว่าที่คาดไว้มาก เขาชอบเดินเล่นริมน้ำพลางชมทิวทัศน์อันงดงามน่าทึ่ง “ท่าเรือ Sha Tau Kok ความยาว 280 เมตรอาจเป็นที่รู้จักกันแล้วว่าเป็นท่าเรือที่ยาวที่สุดในฮ่องกง” เขากล่าว “แต่เมื่อคุณเดินไปจนสุดทางแล้วคุณจึงจะรู้ว่าทิวทัศน์นั้นน่าทึ่งเพียงใด เพียงเชยชมแนวสันเขาเป็นลูกคลื่นของ Plover Cove Country Park ที่ด้านหนึ่ง และเส้นขอบฟ้าของเมืองเซินเจิ้นไกลลับตาจากอีกด้านหนึ่ง” ห้องของคุณ Lee มองเห็นท่าเรือ จึงมีทิวทัศน์ที่เขามองไม่เคยเบื่อ “ในตอนเย็น บ่อยครั้งที่คุณจะเห็นนกกระสาหรือนกชนิดอื่นเกาะอยู่บนทุ่นสีน้ำเงินที่ลอยอยู่ใกล้ท่าเรือ”
นอกจากนี้ เขามีใจมุ่งมั่นเกี่ยวกับการส่งเสริมวัฒนธรรมของ Sha Tau Kok ผ่านสื่อสังคมออนไลน์และคลิปภาพยนตร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมือง
“ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวจีนแคะและชาวฮกเกี้ยน [เชื้อสายของผู้อพยพจากฝูเจี้ยน] ซึ่งเป็นชาวประมงแต่ได้ย้ายไปอาศัยอยู่บนฝั่ง” เขากล่าว “ชาวบ้านเหล่านี้ยังคงยึดถือประเพณีมากมายของตนที่เกี่ยวข้องกับทะเลไว้” ตัวอย่างหนึ่งคือการเต้นรำพื้นบ้าน Dry Dragon Boat ซึ่งจัดขึ้นในช่วงเทศกาลและงานเฉลิมฉลอง เช่น งานแต่งงาน ในระหว่างการเต้นรำตามพิธีทางศาสนา ชาวฮกเกี้ยนจะสวมเครื่องแต่งกายที่ทำขึ้นเองขณะเดียวกันก็ทำไม้ทำมือท่าพายเรือตามเสียงกลอง
“ในวันปกติ Sha Tau Kok ไม่เคยแออัด แต่คุณจะเห็นผู้คนหลายร้อยคนมารวมตัวกันในโอกาสพิเศษ เช่น การฉลองวันประสูติของเจ้าแม่ทินหัว [เทพธิดาแห่งท้องทะเล]”
คุณ Lee เปิดเผย Sha Tau Kok Story House ในปี 2018 เพื่อรักษาโบราณวัตถุของเมืองชายแดนและเรื่องราวของผู้อยู่อาศัย ซึ่งตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์โบราณชั้นเดียวแบบมีระเบียงขนาด 1,000 ตารางฟุต สร้างขึ้นในปี 1933 และมีเฉลียงอยู่ระดับถนนดั้งเดิม ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของอาคารจากยุคนั้น การจัดแสดงประกอบด้วยสิ่งของบริจาคที่แสดงให้เห็นว่าผู้คนเคยอาศัยอยู่ใน Sha Tau Kok เช่น หนังสือเก่าและแผ่นพับ เฟอร์นิเจอร์ดั้งเดิม เครื่องมือ ถ้วยชาม หมวกไม้ไผ่ เสื้อผ้า และแม้แต่หน้าต่างเปลือกหอยแบบดั้งเดิม
“บ้านในหมู่บ้านหรูจะมีหน้าต่างที่ทำจากเปลือกหอยบดเป็นแผ่นโปร่งแสงบาง ๆ” เขากล่าว “ถ้าคุณมองใกล้ ๆ ใต้แสงไฟ คุณจะยังเห็นลวดลายที่ทำจากเปลือกหอย”
นับตั้งแต่รัฐบาลประกาศแผนการที่จะเปิด Sha Tau Kok เพิ่มเติม คุณ Lee ก็ได้เริ่มจัดระเบียบการจัดแสดงของพิพิธภัณฑ์เชิงวัฒนธรรมเสียใหม่ให้ทันเวลาเพื่อรองรับผู้เยี่ยมชมมากขึ้น ความมุ่งมาดปรารถนาคือเพื่อขยาย Story House ไปอีกชั้นหนึ่งของอาคาร และนอกจากนี้เขายังจัดตั้งองค์กรเพื่อให้ความมานะในการอนุรักษ์เมืองพัฒนาต่อไป
“ทายาทของเจ้าของร้านเก่าแก่บางรายจะกลับมาเปิดสถานที่เหล่านั้นอีกครั้งให้เป็น 'ห้องแห่งเรื่องราว' เพื่อเล่าขานประวัติความเป็นมาของธุรกิจครอบครัวให้ผู้มาเยือนฟัง” เขากล่าว “นอกจากนี้ เรายังสนับสนุนให้คนหนุ่มสาวเปิดร้านกาแฟและธุรกิจที่สร้างสรรค์เพื่อฟื้นฟูย่านนี้ Sha Tau Kok จะสร้างที่หมายทางวัฒนธรรมที่ยอดเยี่ยม”
ข้อมูลในบทความนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า กรุณาติดต่อผู้ให้บริการผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องเพื่อสอบถามข้อมูล คณะกรรมการการท่องเที่ยวฮ่องกงจะไม่รับผิดชอบใด ๆ ต่อคุณภาพหรือความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์ของผลิตภัณฑ์และบริการของบุคคลภายนอก และไม่มีการรับรองหรือรับประกันความถูกต้อง ความเหมาะสม หรือความน่าเชื่อถือของข้อมูลใด ๆ ที่มีอยู่ในที่นี้